ศึกซักฟอก เดือด ประเสริฐ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แฉเอกสารจัดซื้อวัคซีน ซิโนแวค พบส่วนต่าง 2 พันล้าน ถามเงินส่วนนี้อยู่ที่กระเป๋าใคร เงินส่วนต่างวัคซีนโควิด – วันที่ 31 ส.ค. 2564 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วาระ พิจารณา “ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” วันแรก
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. จ.นครราชสีมา เขต 3 พรรคเพื่อไทย
ได้ขึ้นอภิปราย โดยได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อ ซิโนแวค พร้อมกับอภิปรายว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลอกลวงประชาชน ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า การจัดซื้อซิโนแวค เป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่
นอกจากนี้ นายประเสริฐ ยังได้กางหลักฐานเป็นสไลด์ เปรียบเทียบราคาการจัดซื้อซิโนแวค เมื่อวันที่ 5 ม.ค.64 จำนวน 2 ล้านโดส ของไทยกับต่างประเทศ พบว่า ไทย ซื้อแพงกว่า อินโดนีเซีย 192,480,000 บาท และ ไทยซื้อแพงกว่า บราซิล 438,448,00 บาท นายประเสริฐ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ได้จัดซื้อวัคซีน ซิโนแวค ทั้งๆที่ไม่เคยมีรายงานการวิเคราะห์คุณภาพแต่อย่างใด
ขณะที่ไฮไลท์สำคัญ คือ การนำเอกสารซึ่ง นายประเสริฐ ระบุว่าได้มาจากข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นข้อมูลวัคซีน ซิโนแวค ที่มีทั้งแผนการนำเข้า แผนการส่งจริง ราคาซื้อต่อโดส ราคา ราคาตามคณะรัญมนตรีอนมัติ
โดย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้กางไสลด์ในที่ประชุมพร้อมกับอธิบยชัดว่า ครม. อนุมัติวงเงินจัดซื้อที่ 17 เหรียญดอลลาห์สหรัฐต่อหนึ่งโดสทุกครั้ง แต่พบว่าทุกครั้งบริษัทที่จำหน่ายวัคซีนให้นั้น ได้ลดราคาให้ต่อเนื่อง
โดยราคาเริ่มต้น ครั้งที่หนึ่งอยู่ที่ ราคา โดสละ 17 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ครั้งที่สอง บริษัทขายวัคซีนที่ 15 เหรียญดอลลาห์สหรัฐ
ครั้งที่สาม ขายให้ 14 เหรียญดอลลาห์สหรัฐ
ครั้งที่สี่ ขายให้ 9.5 เหรียญดอลลาห์สหรัฐ
ครั้งที่ห้าขายให้ 9 เหรียญดอลลาห์สหรัฐ
เมื่อรวมราคาที่ครม. อนุมัติ รวม 331 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท คือ 10,846 ล้านบาท แต่ราคาที่จัดซื้ออยู่ที่ 267 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 8,748 ล้านบาท ดังนั้น ค่าส่วนต่างที่มี คือ 2,098 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องชี้แจงว่าเงินทอน หรือค่าส่วนต่างอยู่ที่ไหน พร้อมนำเอกสารมาชี้แจงต่อสภาฯ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าตั้งใจทุจริต
DES คว้าคะแนนเต็มร้อยในหมวดป้องกันการทุจริต ของ ITA
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ได้ทำการประกาศเปิดเผยผลการประเมิน ITA ประจำปี 2564 ของกระทรวงโดยสามารถคว้าคะแนนเต็มร้อยในหมวดป้องกันการทุจริตไปได้ เมื่อวานนี้ (30 ส.ค. 2564) – กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ได้เปิดเผยผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยกระทรวงสามารถทำไปได้โดยรวม 95.42 และได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน ในด้านการป้องกันการทุจริต
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกาศผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดย กระทรวงดิจิทัลฯ ได้คะแนน 95.42 อยู่ในระดับ AA และเป็นหน่วยงานที่ได้รับคะแนนประเมินสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในระดับกระทรวง
ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ (สป.ดศ.) ได้คะแนน 94.69 เพิ่มขึ้นจาก 91.31 คะแนนเมื่อปี 2563 ขณะที่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ ก็มีคะแนนประเมินสูงกว่า 90 คะแนน ทุกหน่วยงาน
ทั้งนี้ เกณฑ์การประเมินของ ITA จะครอบคลุม 10 ด้าน โดยในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน ในด้านการป้องกันการทุจริต อันดับรองลงมาคือ ด้านการเปิดเผยข้อมูล 99.41 คะแนน และด้านคุณภาพการดำเนินงาน 96.01 คะแนน
สำหรับการประเมิน ITA ในปีนี้ มีหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ เข้าร่วมการประเมินจำนวน 8,300 หน่วยงาน ผลการประเมินภาพรวมมีค่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศร้อยละ 81.25
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ทำงานด้วยความโปร่งใส และให้ความสำคัญกับการยกระดับคะแนนคุณธรรมและความโปร่งใส ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการบริหารราชการให้เกิดประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ระดับกระทรวง ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานในสังกัด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่ได้รับมอบหมายให้ประสบผลสำเร็จ
แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม